โอสถสภากับการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน

ในปี 2566 เหตุการณ์ การละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็น
Issues
100% ของโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทโอสถสภาทั้งหมด ได้ดำเนินการตรวจสอบความเสี่ยงด้าน สิทธิมนุษยชนและผลกระทบอย่างรอบด้าน
25% ของโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทโอสถสภาทั้งหมด ตรวจพบประเด็นความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชน
100% ของโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทโอสถสภาทั้งหมด ที่ตรวจพบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ได้รับการตรวจสอบและมีมาตรการมาตรการบรรเทาผลกระทบ
100% ของโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทโอสถสภาทั้งหมด มีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน และ มาตรการบรรเทาผลกระทบที่ใช้เพื่อควบคุมความเสี่ยงและผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นและเกิดขึ้นจริง

หมายเหตุ การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มบริษัทโอสถสภาครอบคลุมโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานทั้งหมด 16 แห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ครอบคลุมไปถึงคู่ค้าทางธุรกิจ

แนวทางการบริหารจัดการ

การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนถูกกำหนดเข้าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เสาหลัก ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG) ของบริษัทฯ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน พร้อมทั้งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของบริษัทฯ ครอบคลุมพนักงาน คู่ค้า ผู้รับเหมา พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทร่วมทุน รวมไปถึงผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่น ๆ อันได้แก่ กิจการควบรวมใหม่ ไปจนถึง ลูกค้า ผู้บริโภค และชุมชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนไปถึง กลุ่มที่มีความเสี่ยง/กลุ่มเปราะบาง อาทิ หญิงตั้งครรภ์ กลุ่ม LGBTQI+ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ แรงงานข้ามชาติ พนักงานบุคคลภายนอก ชนพื้นเมือง และชุมชนท้องถิ่นที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยดำเนินการตรวจสอบและระบุประเด็นความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชน

เพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมตามหลักสิทธิความเป็นมนุษยชน พร้อมทั้งสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรตลอดจนถึงสร้างสิ่งแวดล้อมในที่ทํางานให้มีสุขภาพดี พนักงานมีความสุขเพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมตามหลักสิทธิความเป็นมนุษยชน พร้อมทั้งสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร ตลอดจนถึงสร้างสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้มีสุขภาพดี พนักงานมีความสุข ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและการดำเนินธุรกิจยั่งยืนได้

การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD)

โอสถสภาได้ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD) ซึ่งเป็นกระบวนการในการประเมินความเสี่ยงตามกรอบหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (The UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs)

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการประกาศนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งมีหลักการสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทย รวมไปถึง มาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อันประกอบด้วย

  • พระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
  • ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights: UDHR)
  • กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR)
  • กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights: ICESCR)
  • ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC)
  • หลักการชี้แนะเรื่อง สิทธิมนุษยชนสำหรับธุรกิจ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP)
  • คำประกาศขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) ว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในที่ทำงาน
  • องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในหลักการความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนโดยสมัครใจ (Voluntary Principles on Security and Human Rights) มาเป็นแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอีกด้วย

กระบวนการการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Right Due Diligence: HRDD)

การดำเนินงานที่สำคัญ

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Right Risk Assessment: HRRA)

โอสถสภาได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Right Risk Assessment: HRRA) บริษัทฯ กำหนดขอบเขตในการตรวจสอบและการระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง

โดยครอบคลุมทุกโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานในกลุ่มบริษัทโอสถสภา ครอบคลุมไปถึงคู่ค้าทางธุรกิจ เป็นประจำทุกสามปี โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อระบุ ป้องกัน และบรรเทา ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น ผ่านการนำมาซึ่งมาตรการเยียวยาภายในองค์กรไปจนถึงการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะไม่มีการละเมิดทางด้านสิทธิมนุษยชนและสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน

1
การจัดหาวัตถุดิบ
2
การผลิต
3
การขนส่งและการกระจายสินค้า
4
การพัฒนาสินค้า การทำการตลาด และการขาย
5
การรีไซเคิลเศษแก้ว

ระดับความรุนแรงของผลกระทบและโอกาสที่อาจเกิดขึ้น

โอสถสภาได้ทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนโดยใช้ตารางประเมินความเสี่ยงเพื่อกำหนดและลำดับความสำคัญของความเสี่ยงแต่ละประเด็น กำหนดการประเมินผ่านเกณฑ์ระดับความรุนแรงของผลกระทบและโอกาสในการเกิดของความเสี่ยง โดยคำนึงถึงเรื่อง ขนาด ขอบเขต และความสามารถในการเยียวยา

การดำเนินการตามแนวปฏิบัตินี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถจัดลำดับความสำคัญและจัดการประเด็นความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนตามระดับความรุนแรงของประเด็นความเสี่ยงได้ ซึ่งประเด็นที่จะถูกพิจารณาว่ามีระดับของผลกระทบและโอกาสในการเกิดสูง จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ซึ่งบริษัทฯ จะกำหนดให้มีการบริหารจัดการป้องกันการเกิดประเด็นเหล่านี้อย่างเร่งด่วน เพื่อลดความรุนแรงและ/หรือความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นความเสี่ยงในองค์กร
ประเด็น
ประเด็นความเสี่ยงในห่วงโซ่คุณค่า
ประเด็น

ผลการดำเนินงาน การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Right Risk Assessment : HRRA)

โอสถสภาประเมินโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติการทั้งหมด 100% (13 สถานที่ปฏิบัติการ) 5 ประเด็นความเสี่ยงที่พบภายในองค์กร มีการกำหนดให้มีมาตรการบรรเทาความเสี่ยงและกลไกป้องกันผลกระทบของทุกประเด็นความเสี่ยงครบทุกประเด็น ดังนี้

ความเสี่ยง
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพนักงานระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น การบาดเจ็บจากการโดนของมีคม เช่น แก้ว
โรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานในองค์กรที่อาจได้รับผลกระทบ
โรงงานผลิตแก้ว
ผู้ทรงสิทธิ์ที่อาจได้รับผลกระทบ
พนักงาน และ กลุ่มเปราะบาง
มาตรการบรรเทาความเสี่ยง และ กลไกป้องกันผลกระทบ
กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
กำหนดนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม
ได้รับรองมาตรฐานการชีวอนามัย และความปลอดภัยในระดับสากล ISO 45001:2018
ได้รับใบประกาศนียบัตร สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัย รางวัลการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันอย่างยั่งยืนในกิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์
ปลูกฝังระดับวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยให้แก่พนักงานทุกคน โดยใช้หลักการปลูกฝังพฤติกรรมด้านความปลอดภัย Behavior Based Safety (BBS)
จัดทำการฝึกอบรมความรู้ด้านความปลอดภัยให้แก่พนักงานทุกคน ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์
ติดตั้งซอฟแวร์ด้านความปลอดภัยด้านอาชีวอนามัย (SHE-Software)
ประเมินความพร้อมและความปลอดภัยของเครื่องจักร ตลอดจนไปถึงสิ่งแวดล้อมของที่ทำงานภายในพื้นที่ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ
กำหนดการประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของตนเป็นสำคัญ หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของพนักงาน
พนักงานมีสิทธิได้รับมอบหมายงานใหม่ที่เหมาะสม
มีช่องทางการร้องเรียนสำหรับพนักงานทุกคน
ความเสี่ยง
การเลือกปฏิบัติ และการคุกคาม
โรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานในองค์กรที่อาจได้รับผลกระทบ
โรงงานผลิตเครื่องดื่ม
ผู้ทรงสิทธิ์ที่อาจได้รับผลกระทบ
พนักงาน และ กลุ่มเปราะบาง
มาตรการบรรเทาความเสี่ยงและกลไกป้องกันผลกระทบ
กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
กำหนดจรรยาบรรณทางธุรกิจ ที่ควบรวมประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่พนักงาน
จัดทำการฝึกอบรมนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่พนักงานทุกคน
มีคณะกรรมการสวัสดิการที่ประกอบด้วยตัวแทนพนักงาน เพื่อประชุมหารือและเสนอแนะเกี่ยวกับสวัสดิการของพนักงาน และครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติและการคุกคาม
ได้รับรางวัล สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน (Thailand Labour Management Excellence Award) จากกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับบริษัทที่มีแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานและความสัมพันธ์กับพนักงาน รวมไปถึงแนวปฏิบัติที่ไม่เลือกปฏิบัติและการต่อต้านการล่วงละเมิด
ความเสี่ยง
เสี่ยงจากสถานที่ปฏิบัติงานที่อาจรบกวนสมาชิกในชุมชนโดยรอบ
โรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงานในองค์กรที่อาจได้รับผลกระทบ
โรงงานผลิตเครื่องดื่ม
ผู้ทรงสิทธิที่อาจได้รับผลกระทบ
ชุมชนท้องถิ่น และ กลุ่มเปราะบาง
มาตรการบรรเทาความเสี่ยงและกลไกป้องกันผลกระทบ
กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
พัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบจากการทำงานที่ผิดพลาดของเครื่องจักร
จัดให้มีช่องทางการสื่อสารและการร้องเรียนที่หลากหลายสำหรับชุมชนในการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อกังวล และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดมีสิทธิ์มีเสียงและประเด็นข้อกังวลของพวกเขาได้รับการรับฟังและแก้ไข
ก่อตั้งกลไกการร้องทุกข์เพื่อจัดการกับข้อร้องเรียนและข้อพิพาทที่ถูกเรียกร้องโดยชุมชน ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการสอบสวนและการแก้ปัญหา กลไกเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าข้อร้องเรียนทั้งหมดได้รับการจัดการอย่างทันท่วงทีและเป็นความลับเพื่อป้องกันสิทธิของผู้ร้องเรียน
จัดทำโครงการสำรวจชุมชนและการมีส่วนร่วม เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นตลอดห่วงโซ่คุณค่า
มีช่องทางการร้องเรียนสำหรับชุมชนรอบของโรงงานและพื้นที่ปฏิบัติงาน
ความเสี่ยง
การปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์
โรงงานและพื้นที่ปฎิบัติงานในองค์กร ที่อาจได้รับผลกระทบ
โรงงานผลิตแก้ว และ โรงงานผลิตเครื่องดื่ม
ผู้ทรงสิทธิที่อาจได้รับผลกระทบ
ลูกค้า ผู้บริโภค และกลุ่มเปราะบาง
มาตรการบรรเทาความเสี่ยงและกลไกป้องกันผลกระทบ
กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
กำหนดนโยบายคุณภาพผลิตภัณฑ์ ความปลอดภัยของอาหาร และฮาลาล
ได้รับมาตรฐานและการรับรอง มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice), มาตรฐาน GHP (Good Hygiene Practice), มาตรฐาน HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) มาตรฐาน Halal มาตรฐาน FSSC 22000 (Food Safety System Certification) มาตรฐาน ISO 9000 และ มาตรฐาน ISO 22716:2007
เพิ่มการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มกระบวนการ การทำงานอัตโนมัติ และลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ ในการควบคุมคุณภาพ ตลอดจนการควบคุมกระบวนการและห้องปฏิบัติการ
ใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบประเมินระยะไกลสำหรับบุคคลภายนอกและลูกค้า เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่อุปทานจนถึงมือผู้บริโภค
จัดให้มีช่องทางการสื่อสารและการร้องเรียนที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคในการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อกังวล และข้อร้องเรียนผ่าน Call-center number
ความเสี่ยง
อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับคู่ค้าระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น อุบัติเหตุระหว่างการขนส่งสินค้า
โรงงานและพื้นที่ปฎิบัติงานในองค์กร ที่อาจได้รับผลกระทบ
โรงงานผลิตเครื่องดื่ม
ผู้ทรงสิทธิที่อาจได้รับผลกระทบ
คู่ค้า ผู้รับเหมา พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทร่วมทุน รวมไปถึง ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่น ๆ และ กลุ่มเปราะบาง
มาตรการบรรเทาความเสี่ยงและกลไกป้องกันผลกระทบ
กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
กำหนดนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม
ได้รับรับรองมาตรฐานการชีวอนามัย และความปลอดภัยในระดับสากล ISO45001:2018
ได้รับใบประกาศนียบัตร สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัย, รางวัลการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันอย่างยั่งยืนในกิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์
ปลูกฝังระดับวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยให้แก่พนักงานทุึกคน โดยใช้หลักการปลูกฝังพฤติกรรมด้านความปลอดภัย Behavior Based Safety (BBS)
จัดทำการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้แก่คู่ค้า ผู้ว่าจ้าง และ หน่วยงานภายนอก โดยการอบรมจะออกแบบให้เหมาะสมกับงานที่แต่ละฝ่ายได้รับ
ประเมินความพร้อมและความปลอดภัยของเครื่องจักร ตลอดจนสิ่งแวดล้อมของที่ทำงานภายในพื้นที่ปฏิบัติงาน อย่างสม่ำเสมอ
ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนให้กับคู่ค้า ซึ่งรวมไปถึงการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัย
มีช่องทางการร้องเรียนสำหรับคู่ค้า ผู้ว่าจ้าง และ หน่วยงานภายนอก

วิธีการ/ขั้นตอนการติดตามและการรายงานความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

โอสถสภาได้จัดทําช่องทางการแจ้งเบาะแสและการรายงาน เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียและผู้ทรงสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด สามารถรายงานเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือการไม่ปฏิบัติตามนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ ทั้งนี้ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับความคุ้มครองโดยบริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ข้อมูลที่ได้รับผ่านช่องทางเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตรวจสอบและติดตามการผลดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน

บริษัทฯ จะนำข้อมูลที่ได้จากช่องทางเหล่านี้ไปพัฒนาและปรับปรุงในการกำหนดมาตรการบรรเทาความเสี่ยงและกลไกป้องกันผลกระทบที่มีอยู่ รวมไปถึงการพัฒนามาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส บริษัทฯ ยังได้มีการสื่อสารถึงการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน ผ่านเว็บไซต์ของโอสถสภา ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ

“ผู้ทรงสิทธิ์” ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบสามารถรายงานและแจ้งข้อมูลที่เป็นความลับผ่านช่องทาง ดังนี้

รายงานบุคคล
ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง
สายด่วน
Call Center
โทร +66 (0) 2351-1000 ต่อ 1234
อีเมล
hotline@osotspa.com หรือแจ้งข้อร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ www.osotspa.com
กล่องจดหมายร้องเรียน
ของบริษัทและบริษัทในเครือ
ติดต่อหัวหน้าแผนกการตรวจสอบบัญชีภายใน
ของบริษัทโอสถสภา จำกัด (มหาชน) 132 ไปรณีย์คลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
หนังสือถึงประธานกรรมการตรวจสอบหรือกรรมการ
บริษัทโอสถสภา จำกัด (มหาชน) อาคาร 5 เลขที่ 348 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

กลไกการเยียวยากรณีเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน

โอสถสภามุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานสูงสุดของการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และตระหนักถึงความสำคัญขั้นพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุนี้ องค์กรจึงคำนึงถึงความสำคัญของการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้มีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการติดตามและรายงานผลการปฏิบัติงาน เพื่อให้การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

โอสถสภาได้มีการทบทวนพันธกรณีตามนโยบายอย่างสม่ำเสมอ และดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการข้อร้องเรียนหรือการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น โดยให้ความสำคัญกับมาตรการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินการแก้ไขในทันทีโดยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ทรงสิทธิ์ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งการแก้ไขความเสียหายใดที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ทั้งนี้ มาตรการเยียวยาดังกล่าวอาจหมายถึงการชดเชยในรูปแบบที่เหมาะสม (เช่น การขอโทษ การชดเชย การฟื้นฟูเยียวยา ทางการเงินหรือที่ไม่ใช่ทางการเงิน) ตลอดจนบทลงโทษและมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต